Sunday, May 10, 2009

+ มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี +

จัดทำโดย
จัดทำโดย ภูดิศ วิภาสวงศ์ 48714010
------------------------------------------------------------------------

มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs)
ดร.สิทธิชัย ฝรั่งทอง หัวหน้าสาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552
ปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ปัญหาภาวะโลกร้อน และกระแสความรับผิดชอบขององค์กรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility : CSR) ทำให้ประเทศคู่ค้าหลายแห่งได้นำมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร (Non-Tariff Barriers : NTBs) มาใช้เป็นเครื่องมือกีดกันทางการค้า ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคในการนำเข้า-ส่งออกสินค้าของไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ดี มาตรการกีดกันทางการค้าดังกล่าวที่หลายประเทศนิยมใช้เป็นข้อบังคับมีอยู่หลายมาตรการ แต่ในที่นี้ขอนำเสนอ 4 ประเด็น ดังนี้

1. มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Standard : SPS) หมายถึง มาตรการทางการค้าที่ใช้ปกป้องชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และพืช ซึ่งแต่ละประเทศจะมีเหตุผลทางด้านประชากร ภูมิศาสตร์ หรือกฎหมาย แต่จะต้องอิงกับมาตรฐานสากลและไม่เป็นการกีดกันทางการค้า แต่ส่วนมากมักจะนำมาเป็นข้อกล่าวอ้าง ซึ่งใช้ควบคุมสินค้าเกษตรและอาหาร อาทิเช่น การให้มีใบรับรองปลอดศัตรูพืช การกำหนดคุณภาพมาตรฐานอาหาร การกำหนดปริมาณสารตกค้าง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดมาตรฐาน GMP และ HACCP ซึ่ง GMP มาจากคำว่า General Principles of Food Hygiene : GMP หมายถึง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร เป็นเกณฑ์หรือข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและควบคุมเพื่อให้ผู้ผลิตปฏิบัติตาม ทำให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยเน้นการป้องกันและขจัดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้อาหารเป็นพิษ เป็นอันตราย หรือเกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผู้บริโภค ส่วนระบบการจัดการด้านความปลอดภัยสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร (Hazard Analysis Critical Control Point : HACCP) นำมาใช้ในการประกันด้านความปลอดภัยอาหาร ซึ่งเป็นระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร โดยมุ่งเน้นถึงการประเมิน และวิเคราะห์อันตรายที่อาจปนเปื้อนในอาหาร อาทิเช่น เชื้อโรค สารเคมี หรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภค

2. มาตรการทางเทคนิค (Technical Barriers to Trade : TBT) เป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นเงื่อนไขทางเทคนิค เพื่อให้ประเทศผู้นำเข้าสามารถใช้มาตรฐานเหล่านี้มาบังคับให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตในประเทศหรือนำเข้ามาจากประเทศมีความปลอดภัยแก่การบริโภค และเพื่อคุ้มครองชีวิตหรือสุขภาพของมนุษย์ พืช และสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น ผู้ผลิตสินค้าสุรายี่ห้อ T จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของสินค้าให้เป็นไปตามระเบียบมาตรฐานของประเทศ A ซึ่งจะต้องติดฉลากอาหารทุกชนิดเป็นภาษาของประเทศ A และถูกตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เป็นต้น

3. มาตรการสิ่งแวดล้อม (Environment Measures) ในอดีตที่ผ่านมา การค้าและการรักษาสิ่งแวดล้อมถูกมองว่าไม่สามารถดำเนินไปด้วยกันได้ แต่ปัจจุบันในทุกเวทีการค้าโลกได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดนี้ เพื่อการดำรงอยู่ของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการอนุรักษ์และปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดังนั้น สินค้าบางรายการจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานก่อน จึงจะสามารถนำเข้าได้ ซึ่งการรับรองสินค้าที่ผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม จะต้องได้รับจากสถาบันที่ประเทศคู่ค้ากำหนด อาทิเช่น กฎหมายขยะอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้า กฎหมาย Eco-design และกฎหมายเกี่ยวกับขยะบรรจุภัณฑ์ (Packaging waste) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่เกี่ยวกับจริยธรรมผู้ประกอบการต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการด้านแรงงาน รวมถึงการปิดฉลากผลิตภัณฑ์ตัดแต่งสารพันธุกรรม (Genetically Modified Organisms : GMOs) หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่ได้จากกระบวนการปรับปรุงทางพันธุกรรม หรือได้รับการตัดแต่งยีน โดยใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรม เพื่อเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของพืช และสัตว์ ให้มีคุณสมบัติเพิ่มเติมจากธรรมชาติตามที่มนุษย์ต้องการ

4. มาตรการชาตินิยม (Nationalism Measures) ซึ่งหลายประเทศรณรงค์ให้ประชาชนใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหา ที่เกิดจากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อชาติ และงดการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งการส่งเงินที่นำไปลงในประเทศต่างๆ กลับประเทศ
สำหรับปรากฏการณ์ที่เป็นตัวอย่างของการนำมาตรการเหล่านี้มาใช้ อาทิเช่น สินค้ากล้วยไม้ไทยที่ส่งเข้าไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ที่เข้มงวดในการตรวจสอบเพลี้ยไฟ ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระด้านต้นทุน และเป็นอุปสรรคทางการค้าของสินค้ากล้วยไม้ไทยในตลาดอียู
สมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร ที่รวมกลุ่มกันจากองค์กรค้าปลีกต่างๆ เพื่อตรวจสอบคุณภาพการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ โดยมาตรฐานการนำเข้าที่เรียกว่า "The British Retail Consortium : (BRC)" ซึ่งหากทำไม่ได้ผู้นำเข้าจะไม่สามารถไปวางขายในห้างค้าปลีกของอังกฤษได้ นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษได้จัดตั้งบริษัทเอกชน "Carbon Trust" เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมให้ปล่อยปริมาณคาร์บอนต่ำระหว่างประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและไทย เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเข้าร่วมโครงการคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon footprint) ด้วยการติดฉลาก (Carbon Label)
ญี่ปุ่น มีข้อกำหนดในการตรวจสอบสารปนเปื้อน กรณีมังคุดที่นำเข้าจากไทยต้องผ่านกระบวนการอบไอน้ำ โดยส่งเจ้าหน้าที่เกษตรของญี่ปุ่นควบคุมการผลิตในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับรัฐบาลออสเตรเลียให้มีการนำกล้องจุลทรรศน์มาตรวจสอบหาแมลงศัตรูพืชบนผลมังคุดที่ไทยส่งเข้าไปจำหน่าย ทำให้มังคุดไทยถูกยึด และเผาทำลายไปเป็นจำนวนมาก
อินเดีย ยินยอมให้ผลไม้ไทยเข้าไปจำหน่ายได้ แต่ต้องผ่านการรมสารเมทิลโบมายด์ในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วทำได้ยาก เพราะทำให้คุณภาพผลไม้เสียหายจนขายไม่ได้ ส่วนอินโดนีเซียเตรียมประกาศใช้มาตรการด้านสุขอนามัยที่มีข้อกำหนดให้รมสารเมทิลโบมายด์กับสินค้าผลไม้ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และจีนมีการตรวจสอบการปนเปื้อนของสารตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) เป็นต้น
อย่างไรก็ดี มาตรฐานที่กำหนดออกมาส่วนใหญ่ จะเป็นมาตรฐานเอกชนคู่ค้ากำหนดขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นมาตรฐานบังคับ แต่ผู้ประกอบการไทยและภาครัฐจะต้องยกระดับพัฒนามาตรฐาน และคุณภาพของสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการสินค้าที่มีมาตรฐานสูงขึ้น มีคุณภาพ ความปลอดภัย และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน โดยแนวโน้มคู่ค้าจะนำมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษีมาใช้เป็นข้ออ้างในการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น และขยายขอบเขตไปสู่ระดับสากล

แหล่งที่มา : http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2009q2/2009april27p4.htm

---------------------------------------------------------------------------------------------
คำถาม
1. มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Standard : SPS) คืออะไร


2. สารตัดแต่งพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า “Genetically Modified Organisms : GMOs) คืออะไร


3. มาตรการชาตินิยม (Nationalism Measures) มีไว้เพื่ออะไร

2 comments:

  1. รัฐบาลออสเตรเลีย เอากล้องจุลทรรศน์มาตรวจสอบแมลงศัตรู พืชในไทยเลยหรอครับ O_o

    ReplyDelete